วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ประวัติของระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการในปัจจุบัน เป็นโปรแกรม ที่ถูกบรรจุอยู่ในแผ่นซีดีรอม เพื่อนำมาติดตั้งหลังจากประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ในส่วนของฮาร์ดแวร์เสร็จ ก่อนที่จะติดตั้งโปรแกรมใช้งานอื่น ๆ ต่อไป
ระบบปฏิบัติการ คือซอฟแวร์ตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ ผู้ใช้ ใช้คอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้น
  1. ติดต่อกับผู้ใช้
  2. ควบคุมอุปกรณ์ ( ฮาร์ดแวร์ )
  3. จัดสรรทรัพยากรในระบบให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ระบบปฏิบัติที่ผ่านมามีมากมายและเราได้คุ้นหูสำหรับคนที่ใช้คอม มานาน เช่น MsDos1, 2, 3, ... ,MsDos6.22 , Windows 3.1 , Windows 95 , Windows 95 Osr 2 ,Windows 98 , Windows 98 Se , Windows Me , Windows XP

ประวัติของระบบปฏิบัติการ ระบบปฏิบัติการโดยในขณะนี้มีอยู่และที่นิยมใช้กันมี 3 ระบบปฏิบัติการ คือ

  1. ระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft
  2. ระบบปฏิบัติการ Linux
  3. ระบบปฏิบัติการ Unixระบบ

ปฏิบัติการของบริษัท ไมโครซอพท์ สำหรับเครื่อง เดสก์ทอป และ แลปทอป สามารถแบ่งได้เป็น 3 ตระกูลคือ

  1. 1. MS-DOS
  2. 2. Windows (3.1, 95, 98, ME)
  3. 3. Windows NT, Windows 2000, Window XP

1. MS-DOS ( Microsoft-Disk Operation System )

MS-DOS 1,2,3,... ระบบปฏิบัติการแบบ 16 บิต แบบที่เรียกว่า Real Mode คือต้องพิมพ์คำสั่งสำหรับใช้งานซึ่งยากต่อการจดจำ

ราวปี ค.ศ. 1981 IBM ยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ในขณะนั้นได้ผลิตเครื่อง PC ( Personal Computer ) แปลว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เริ่มจากรุ่น IBM PC 8088 เป็นคอมพิวเตอร์แบบที่เขาเรียกว่า เรียลโหมด โดยตอนนั้นบริษัท ไมโครซอพต์ได้สร้างระบบปฏิบัติการ MS-DOS 1.0 เพื่อใช้ในคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ โดยใช้ตัวแปลภาษาเบสิก สำหรับใช้บนซีพียู 8088 และ Z-802 ปีต่อมาได้พัฒนามาเป็นรุ่น MS-DOS 2.0 หน่วยความจำของระบบเพิ่มจาก 8 Kb ( จากรุ่น 1.0 ) เป็น 24 Kb แต่ยังคงเป็นบรรทัดคำสั่งที่ขอยืมมาจากของ Unix อยู่ เมื่อถึงปี 1986 บริษัท Intel ผลิตซีพียู 80286 ขึ้นมา ทาง IBM จึงสร้างเครื่องรุ่นที่เรียกว่า PC/AT ไมโครซอพท์ก็ได้สร้าง MS-DOS 3.0 มารองรับการทำงานเช่นกัน ตอนนั้นประสิทธิภาพของซีพียูไปไกลกว่าอุปกรณ์ คือ ซีพียู 80286 สามารถวิ่งได้ที่ความเร็ว 8 เมกกะเฮิร์ต โดยใช้หน่วยความจำได้ถึง 16 Mb แต่คอมพิวเตอร์ขณะนั้นมีหน่วยความจำเพียง 1-2 Mb เนื่องจากในขณะนั้นหน่วยความจำราคาแพงมาก

2. Windows ( 3.1,95,98 ,ME )

Ms-Dos ตัวสุดท้ายเป็น 6.22 , จากนั้น Windows1,2 ออกมาทดลองตลาด ( แต่ไม่แพร่หลาย ) เมื่อปี 1992 จึงพัฒนามาเป็น Windows 3.0 และ 3.1 ระบบปฏิบัติการแบบ Gui ( Graphic user interface ) โดยรวมรวมชุดคำสั่งออกมาเป็นภาพเพื่อให้คลิกได้ง่าย ๆ แทนการพิมพ์คำสั่ง ในขณะที่ MS-DOS 3.0 กำลังใช้กันอยู่ ก็มีระบบ Mac ของบริษัท Apple ที่ใช้ในเครื่อง Apple Macintosh ดังขึ้นมา ทาง ไมโครซอพท์จึงทำการสร้าง Windows1.0 ขึ้นมาในปี 1985 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี 1987 จึงออก Windows 2.0 สำหรับใช้กับเครื่อง PC/AT ของ IBM แต่ก็ยังไม่ดี

ปี 1980 เมื่อมีซีพียู 80386 ขึ้นมาจึงได้พัฒนามาเป็น Windows 3.0 และ 3.11 เวอร์ชั่นนี้ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมากมาย อย่างไรก็ตามระบบ Windows 3.1 ก็ยังถือว่าเป็นระบบที่ติดต่อผู้ใช้ในแบบกราฟิก( Graphic user interface ) ของ MS-DOS เนื่องจาก MS-DOS ยังควบคุมการทำงานของเครื่องและระบบไฟล์อยู่ โปรแกรมทั้งหมดยังทำงานบนแอ็ดเดรสเดียวกัน ซึ่งยังมีข้อผิดพลาด หรือที่เขาเรียกว่าบั๊ก ที่ทำให้เครื่องแฮ้ง ได้อยู่เสมอ

ปี 1995-1997 Windows 95 ได้ออกวางจำหน่าย ซึ่งเป็น ระบบ แบบ 32 บิตรุ่นแรก ที่มีการทำงานแบบที่เรียกว่า Multitasking หรือสามารถทำงานได้หลาย ๆ อย่าง ในเวลาเดียวกัน และคุณสมบัติโดดเด่นก็คือ Plug and Play ทำให้ติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ๆ เข้าใปได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามก็ถือว่ายังแยกตัวออกมาจาก MS-DOS อย่างไม่สมบูรณ์ ( ยังเป็นแบบ 32 ที่ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ ) ยังมีโค๊ดแบบ 16 บิตภาษาแอสเซ็มบลีอยู่ และระบบไฟล์ที่เป็นของ MS_DOS อยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนก็คือ การที่สามารถตั้งชื่อ และนามสกุลของไฟล์รวมได้ถึง 255 ตัวอักษร ( เดิม ชื่อไม่เกิน 8 และนามสกุลไม่เกิน 3 ) และประมาณปี 1997 Windows 95 ได้ถูกแก้ไขเล็กน้อยเป็น Windows 95 Osr 2.0 ในขณะนี้ MS-DOS ที่ถือว่าเป็นเวอร์ชั่นสุดท้าย ก็คือ DOS 6.22

และปี 1998 Windows 98 ก็ออกจำหน่าย ในเวอร์ชั่นนี้ ถือว่ายังรวมเอาโค๊ดของ MS_DOS อยู่ ( และหลายฝ่ายยังเรียก Dos รุ่นนี้ว่าเป็นรุ่น 7.1 ) เพื่อให้สามารถรองรับ แอปพลิเคชั่นเดิมของ MS-DOS ได้นั่นเอง ทำให้ยังไม่สามารถแยกตัวจาก MS-DOS ได้อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม Windows 98 เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟล์แบบ Fat 32 ทำให้ ฮาร์ดดิสก์มีขนาดใหญ่กว่า 2 GigaByte ได้ ( 2 กิกะไบต์ ถึง 2 เทอร์ราไบต์ ) ต่อมาช่วงปี 1999 ได้ อัพเดทซอพแวร์และแก้ไขบั๊กบางส่วนเป็น Windows 98 Se ช่วงนี้ Microsoft ประกาศจะหยุดพัฒนา Windows 9x และหันมาพัฒนาและวางตลาด Windows 2000 แต่ ปี 2000 กลับมี WindowsMe ( ซึ่งก็แปลว่า 2000 ) ออกมาเหมือน Windows 9x อีก หนึ่งอัลบั้ม ทำให้เกิดการงงกันเล็กน้อยแต่สาเหตุที่ออกตัวนี้มาก็เพราะว่ามีการพบข้อผิดพลาดของ Windows 98 ( เขาเรียกว่าแก้บั๊ก ) และเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านมัลติมีเดีย , กราฟิก และ เน็ตเวิร์ค เพื่อรักษา ตลาดเดิมของ Windows9x 3. Windows NT, Windows 2000 จาก Windows 95 ( กลุ่มผู้ใช้ตามบ้าน ) เป็น Windows NT ( กลุ่มองกร หรือระบบเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น ) และได้กำเนิด Windows NT 4.0 ปลายปี 95 ส่วน Windows 2000 อาจเรียกได้ว่าก็คือ Windows NT 5.0 เป็นการรวมรูปแบบของ Windows 98 และ Windows NT 4.0 ไว้ด้วยกัน ในราว ๆ ปี 1985 IBM และ Microsoft ได้ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการ OS/2 ที่เขียนด้วยภาษาแอสเซ็มบลี และช่วงนั้น ก็มีการสร้าง Windows NT ( NT ย่อมาจาก New Technology เพื่อมาสนับสนุน API ( Application-Programming Interface ) เวอร์ชั่นแรกของ NT คือ Windows NT 3.1 และ Windows NT 3.1 Advance Server ลักษณะเด่นก็คือระบบไฟล์แบบ NTFS ( New Technology File System ) ปี 1996 ถูกพัฒนามาเป็น Windows NT 4.0 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นระบบที่เชื่อถือได้มากกว่าและ ระบบความปลอดภัย เหนือกว่า Windows 95,98 หมายเหตุ : ส่วนใหญ่โค๊ดของ Windows NT จะเป็นภาษา C

Windows 2000 เป็นระบบปฏิบัติการแบบมัลติยูสเซอร์ แบบ 32 บิตที่แท้จริง ใช้สถาปัตยกรรม microkernel ( เช่นเดียวกับ Mach ) โดยแต่ละส่วนเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ และไม่เกิดผลกระทบกับส่วนอื่น ในด้านการรักษาความปลอดภัย Windows 2000 อยู่ในระดับ C2 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ทั้งในส่วนไฟล์ ไดเรกทอรี , โปรเซส และออปเจ็กต์ที่แชร์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการรันมัลติโปรเซสเซอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ยังไงก็ตามต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม Windows 2000 Professional ( เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ) ส่วนที่เหลือจะใช้ในระบบองค์กรขนาดใหญ่ Windows 2000 Server Windows 2000 AdvanceServerWindows 2000 Datacenter

Windows XP ถือว่าพัฒนามาจาก Windows NT และ Windows 2000 เราจะพบว่าระบบความปลอดภัย ( Security ) เหมือน windows 2000 รุ่นต่าง ๆ ของ Windows XP ก็ออกมาหลายเวอร์ชั่นเท่าที่พบก็มี Windows XP Whistler Beta1 Windows XP Whistler Beta2 Windows XP Personal ในปัจจุบัน Windows XP มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม ดังนี้ คือ Windows XP Home เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป Windows XP Pro เหนือกว่า Home ทางด้าน Network และเพิ่มคุณสมบัติบางประการ เหมาะสำหรับระดับ Power user Windows XP 64-Bit Edition ใช้กับ ซีพียู 64 บิต ( ตัวใหม่สุด ) ·

หมายเหตุ: Windows CE เป็นเวอร์ชั่นสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ พกพา และคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กรวมทั้ง Auto Pc ที่ใช้กันในรถยนต์ต่างประเทศ จะคล้าย ๆ กับ Windows 95

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ระบบปฏิบัติการ 2

คำอธิบายรายวิชาระบบปฏิบัติการ 2
ศึกษาหลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์ระบบ ผลกระทบต่อองค์กรในการใช้งานระบบข้อมูลสารสนเทศวงจรการพัฒนาระบบ การศึกษาความเป็นไปได้ การจัดการโครงการ การเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อการวิเคราะห์ระบบ การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ระบบ การเขียนแผนภาพการไหลของข้อมูล การวิเคราะห์การประมวลผลคำ โครงสร้างภาษา ตารางการตัดสินสินใจ แผนภาพต้นไม้ การเตรียมโครงการ การเขียนรายงานโครงการ และการนำเสนอผลการวิเคราะห์ระบบ

E-Learning ระบบปฏิบัติการ
http://www.learn2gether.in.th
http://www.learn.in.th
http://www.kpi-learning.com
http://elearning.most.go.th
http://www.thaicai.com
http://www.radompon.com
http://www.thai-folksy.com
http://cptd.chandra.ac.th/kn/wbi

http://www.chulaonline.com/
http://www.cmuonline.info/
http://www.kanid.com/
http://www.dlf.ac.th/
http://www.el.au.edu/
http://www.onlinetraining.in.th/
http://www.dekgeng.com/

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว

นางสาวกาญจนา โนนสามารถ (อ้น)

เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2531
โปรแกรมวิชา วิทยาการคอมพิวเตอร์ รหัสนักศึกษา 5012252244
มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ
ที่อยู่ 50/1 ม.3 ต.หนองแค อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ 33160

เพื่อน นายชาญชัย ยาศรี
นางสาวนงนุช แสงพฤกษ์
นางสาวพิชชาภา ดอนหลักคำ
e-mail aon_t1@hotmail.com
โทร 0874445410